ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ 7 พฤษภาคม 2567 มีมติเห็นชอบ 3 มาตรการดูแลราคาพลังงาน โดยตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33บาทต่อลิตร คงราคา LPG ที่ระดับ 423 บ.ต่อถัง 15 กก.ถึง 30 มิ.ย. และคงค่าไฟที่ 3.99 บ.ต่อหน่วยสำหรับกลุ่มเปราะบางในงวดพ.ค.-ส.ค.67 “พีระพันธุ์”ลั่นกำลังทำกม.ที่จะทำให้ราคาพลังงานมีความยุติธรรมในปีนี้แน่
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่ากระทรวงได้ นำเสนอ 3 มาตรการ เพื่อช่วยเหลือประชาชน และลดภาระค่าครองชีพซึ่งคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้เห็นชอบตามที่เสนอประกอบด้วย
- การตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
- การขยายระยะเวลาการตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม 423 บาท ต่อถัง 15 กิโลกรัมไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567
3.การลดค่าไฟที่ 19.05 สตางค์ จาก 4.18 บาท เป็น 3.99 บาทต่อหน่วย สำหรับบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ในงวดเดือน พฤษภาคม ถึง สิงหาคม 2567
“ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันราคาพลังงานเกือบทุกชนิดมีความผันผวนในระดับสูง เกิดจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งกระทรวงพลังงานภายใต้การนำของผมได้พยายามที่จะช่วยเหลือประชาชน ลดภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งในส่วนของน้ำมัน รัฐบาลได้กำหนดเพดานไว้ที่ 33 บาทต่อลิตร เนื่องจากสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้อุดหนุนติดลบกว่าแสนล้านบาทแล้ว หากไม่อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ 34 – 35 บาทต่อลิตร และอาจจะมีการปรับเพดานหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาขายปลีกในไทยก็จะปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป”นายพีระพันธุ์กล่าว
ทั้ง3 มาตรการนับเป็นมาตรการช่วยเหลือในระยะสั้น ตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เป็นอยู่ในปัจจุบันซึ่งตนเตรียมรื้อระบบราคาพลังงานใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างกำลังเร่งดำเนินการอยู่ คาดว่าจะยกร่างกฎหมายใหม่ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้ภายในปีนี้ คนไทยจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงราคาพลังงานที่มีความยุติธรรม สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และจะเป็นการปรับรูปแบบพลังงานของประเทศที่จะมีความยั่งยืนต่อไปในอนาคตด้วย