Advertisement
Leaderboard 728x90

สวทช. เผย10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ใน 5 ปีข้างหน้า

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ศาสตราจารย์ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)บรรยายพิเศษหัวข้อ “10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง 2567” (10 Technologies to Watch 2024) ภายในงาน “Thailand Tech Show 2024” มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรม จัดโดย สวทช. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน “อว.Fair 2024” SCI-POWER For Future Thailand จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-28 กรกฎาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า การนำเสนอ 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปี 2567 เพื่อนำเสนอแนวโน้มหรือเทรนด์ของเทคโนโลยีโลกที่กำลังส่งผลกระทบในวงกว้างภายใน 5-10 ปีข้างหน้า โดยเริ่มจากเทคโนโลยีใกล้ตัวด้านสุขภาพ ได้แก่

Advertisement
Kreamy Proof
  • กล้ามเนื้อเทียม (Artificial Muscle)

กล้ามเนื้อเทียมหรือกล้ามเนื้อจำลองสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบการทำงานของกล้ามเนื้อจริงตามธรรมชาติ  โดยปัจจุบันมีความต้องการกล้ามเนื้อเทียมเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์เช่นการใช้เป็นอุปกรณ์สวมใส่เพื่อช่วยในการฟื้นฟูหรือเสริมแรงสำหรับผู้พิการ การผ่าตัดแบบ microsurgery นอกจากนี้ยังมีความต้องการนำกล้ามเนื้อเทียมไปประยุกต์ใช้ในหุ่นยนต์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์อุตสาหกรรมก่อสร้าง และระบบควบคุมอัตโนมัติในงานอุตสาหกรรม (industrial automation) เพื่อให้หุ่นยนต์มีน้ำหนักเบา สามารถทำงานกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยและสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย

  • จุลชีพในลำไส้เพื่อดูแลสุขภาพ (Human Gut Microbes for Healthcare)

ร่างกายส่วนต่าง ๆ ประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มากมายโดยเฉพาะในลำไส้ ซึ่งถ้าขาดสมดุลของจุลินทรีย์มีประโยชน์ก็จะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ทั้งโรคทางเดินอาหาร โรคภูมิแพ้โรคทางเมแทบอลิกต่าง ๆปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มากมายในท้องตลาดที่มีจุลินทรีย์ดี ทั้งแบบพรีไบโอติก (prebiotic) โพรไบโอติก (probiotic) และซินไบโอติก (synbiotic) ในอนาคตอันใกล้อาจมีการใช้เชื้อที่ผ่านการวิศวกรรมจนได้คุณสมบัติแปลกใหม่เพิ่มเติมหรือดีกว่าเดิมอาจช่วยเฝ้าระวังหรือรักษาโรคอย่างเฉพาะเจาะจงได้อีกด้วยผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ดังกล่าวอาจสร้างขึ้นได้ โดยอาศัยความรู้ที่เรียกว่าชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology)  ซึ่งใช้หลักการทางวิศวกรรมชีวเคมีในการออกแบบและสร้างระบบชีวภาพ จนได้เป็น “วงจรยีน (gene circuit)” ในเซลล์ซึ่งเปิด-ปิดการทำงานของยีนบางอย่างได้อย่างจำเพาะโดยอาศัยการตอบสนองสัญญาณหรือตัวกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมทำให้สามารถแจ้งเตือนการเกิดโรค หรือสามารถย่อยสลายสารพิษหรือรักษาโรคได้อีกด้วย

  • แฝดดิจิทัลในการดูแลสุขภาพ (Digital Twin in Healthcare)

จะดีแค่ไหน หากเรารู้ผลการรักษาก่อนการรักษาจริง  สามารถปรับวิธีการรักษาให้เหมาะสมกับเราที่สุดหรือแม้แต่สามารถประเมินความเสี่ยงการเป็นโรคต่าง ๆของเราได้ล่วงหน้า ปัจจุบันมีบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนา Digital Twin Platform สำหรับดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยจำลองระบบการเผาผลาญพลังงานของผู้ป่วยจากข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ป่วย  และบริษัทในประเทศสิงคโปร์ได้พัฒนาระบบทำนายความเสี่ยงในการเป็นโรคไตเรื้อรังของผู้ป่วยเบาหวานโดยใช้แบบจำลอง AI ที่ประมวลผลจากข้อมูลประวัติทางการแพทย์ต่าง ๆของผู้ป่วยโดยในส่วนของประเทศไทยมีแนวโน้มที่บริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีการแพทย์รวมทั้งบริษัท health-tech startup ที่จะนำเทคโนโลยีนี้เข้ามาใช้งานในประเทศไทยในอนาคต

  • การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบเอไอเสริม (AI-Augmented Software Development)

ความก้าวหน้าของ generative AI และ Machine Learning เปิดโอกาสให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถนำ AI มาใช้ในกระบวนการออกแบบสร้าง ทดสอบ รวมไปถึงการวางตลาดแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ต่าง ๆอย่างรวดเร็วมากขึ้น ประมาณการณ์กันว่าจะมีการยกระดับผลิตภาพ (productivity) ของการทำซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ราว 35-45% ไปพร้อม ๆ กับการลดต้นทุนได้ถึง 20% โดยใช้เวลาที่สั้นลงอีกด้วยทั้งนี้คาดว่าภายในปี พ.ศ.2571 วิศวกรซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมเมอร์ในองค์กรราว 75% จะใช้ AI ช่วยในการเขียนโค้ด เทียบกับปัจจุบันที่ยังทำเช่นนี้น้อยกว่า 10%

Advertisement
The Xpozir
  • เทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่ติดเอไอ (AI Wearable Technology)

ปัจจุบันเริ่มมีอุปกรณ์สวมใส่บนร่างกายที่ใช้เทคโนโลยี AI เพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านเซนเซอร์แบบไบโอเมทริก (biometric sensor) ซึ่งเมื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปวิเคราะห์ด้วยอัลกอริทึมแบบ deep learning ก็ทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึก ข้อเสนอแนะ และคำแนะนำต่าง ๆที่แม่นยำแก่ผู้ใช้งานได้ โดยอุปกรณ์สวมใส่ AI รุ่นใหม่ ๆจะทำงานรวดเร็วขึ้น และทำงานได้อย่างแม่นยำเที่ยงตรงมากขึ้น

ในส่วนของทีม A-MED สวทช.ได้พัฒนาระบบเซนเซอร์อัจฉริยะสำหรับสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยเพื่อตรวจจับอิริยาบถและการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ รวมไปถึงท่านอน การล้มและตำแหน่งที่เกิดเหตุภายในอาคารพร้อมแสดงผลและแจ้งเตือนผู้ดูแลแบบเรียลไทม์

  • เทคโนโลยีคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Privacy-Enhancing Technologies, PETs)

การเก็บข้อมูลในคลาวด์และการใช้ IoT มีบทบาทมากขึ้นแต่การรั่วไหลของข้อมูลสำคัญอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเทคโนโลยีคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Privacy-Enhancing Technologies, PETs) จึงมีความสำคัญในการช่วยคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางผ่านการเข้ารหัสแบบใหม่ที่ทำให้ข้อมูลประมวลผลบนคลาวด์ได้ “โดยไม่ต้องถอดรหัส” ในบางประเทศมีการนำเทคโนโลยี PETs มาให้บริการแล้วในวงการการเงิน สุขภาพ และทรัพยากรบุคคล

สำหรับประเทศไทย เนคเทค สวทช. ได้พัฒนาเทคโนโลยี PETs ให้ใช้กับแพลตฟอร์ม IoT สำหรับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Industry 4.0 ของประเทศในชื่อ ไซบิลเลี่ยน (CYBLION) พ้องเสียงกับชื่อสายพันธ์สุนัขช่วยทำให้การคำนวณข้อมูลของโรงงานอุตสาหกรรมบนคลาวด์ทำได้อย่างปลอดภัยโดยเนคเทคได้ทดสอบใช้งานจริงในโรงงานธนากรผลิตน้ำมันพืชจำกัด (น้ำมันพืชกุ๊ก) แล้ว

  • หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย (Security Robot)

เทคโนโลยีหุ่นยนต์ (robotics) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าจับตามองปัจจุบันมีการใช้งานหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยแล้วในหลายประเทศตลาดโลกของหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย ประเมินกันว่าอาจจะสูงถึง 71,800 ล้านเหรียญในปี พ.ศ.2570 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 17.8% ขณะที่เฉพาะในแถบเอเชียแปซิฟิกสูงถึงเกือบ 20% โดยปัจจัยกระตุ้นสำคัญคือความต้องการเทคโนโลยีนี้ในทางทหารและการป้องกันประเทศเป็นหลัก

ในส่วนของ สวทช. มีองค์ความรู้ด้านหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ ระบบสื่อสารและ AI ทำให้สามารถบูรณาการองค์ความรู้ในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด การที่มีระบบฐานข้อมูลระบบควบคุมและประมวลผลที่พัฒนาขึ้นเองจึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า

  • เทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่แบบโดยตรง (Direct Battery Recycling Technology)

การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำทำให้มีความต้องการแบตเตอรี่โดยเฉพาะแบบลิเทียมไอออนเพราะมีการใช้กับยานยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีอัตราความต้องการแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเติบโตมากกว่า 25% ต่อปี โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าในปี พ.ศ.2573 จึงเกิดความต้องการเทคโนโลยีรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งกระบวนการรีไซเคิลแบตเตอรี่ปัจจุบันมักอาศัยความร้อนสูงหรือใช้กระบวนการที่ต้องใช้สารเคมีที่เป็นพิษความพยายามหลีกเลี่ยงกระบวนการทั้งสองแบบนี้ นำมาสู่ “เทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่แบบโดยตรง” ที่ลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากอาศัยกระบวนการทางกายภาพในการร่อนตัด ย่อย บด และคัดแยกนำสารเพื่อนำกลับมาใช้สร้างเป็นขั้วแคโทด (cathode) ของแบตเตอรี่ขึ้นใหม่ประเมินกันว่าเทคโนโลยีแบบนี้อาจไปถึงจุดที่มีความสามารถในการนำชิ้นส่วนกลับมาใช้ได้มากถึง 90% อีกทั้งจะสามารถลดความต้องการสินแร่ใหม่เพื่อนำมาผลิตแบตเตอรี่ได้มากกว่า 25% ในปี พ.ศ.2573

  • ไฮโดรเจนเพื่อการขับเคลื่อน (H2 for Mobility)

รถยนต์ปัจจุบันกำลังค่อย ๆเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายในไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆคาดกันว่าพลังงานจากไฮโดรเจนจะเป็นอีกตัวเลือกของพลังงานอนาคตในส่วนของประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตไบโอไฮโดรเจน (biohydrogen) จากพื้นฐานความเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีสารตั้งต้นจากก๊าซมีเทนในมูลสัตว์หรือชีวมวลต่าง ๆที่จัดเป็นกรีนไฮโดรเจน (green hydrogen) แบบหนึ่งซึ่งอาจนำมาผ่านกระบวนการทางเคมีต่าง ๆจนได้ผลิตภัณฑ์เป็นไฮโดรเจนออกมาในที่สุดต้นทุนการผลิตไบโอไฮโดรเจนก็มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องกระบวนการผลิตไฮโดรเจนแบบนี้ ลดการสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์ (carbon footprint) และนำมาขายเป็นคาร์บอนเครดิต (carbon credit) ของประเทศไปพร้อม ๆ กันได้อีกด้วย

  • ยุคถัดไปของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำด้วยระบบน้ำหมุนเวียน (Next Generation of Recirculating Aquaculture System: RAS)

การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศไทยมีมูลค่ามากกว่าแสนล้านบาทต่อปีแต่การเพาะเลี้ยงด้วยวิธีการดั้งเดิม เช่น การเลี้ยงในบ่อดินการเลี้ยงในกระชัง มีข้อเสียหลายประการ เช่น ใช้น้ำมากและสร้างมลพิษทางน้ำเสี่ยงต่อการเกิดโรคสัตว์น้ำ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมโดยเทคโนโลยี RAS เป็นการเลี้ยงแบบใช้น้ำหมุนเวียนโดยมีการบำบัดของเสียออกจากน้ำและเติมออกซิเจนให้กับน้ำมีข้อดีคือไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำสามารถเลี้ยงสัตว์น้ำได้อย่างหนาแน่นในพื้นที่น้อยสามารถควบคุมสภาวะการเลี้ยงและมีการติดตามปัจจัยต่าง ๆได้ดีกว่าวิธีการแบบเดิม จึงลดความเสี่ยงจากโรคสัตว์น้ำได้มาก

ที่ผ่านมา สวทช. ได้พัฒนาระบบ RAS สำหรับกุ้งและปลากะพงซึ่งเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ระบบที่พัฒนาขึ้นมีราคาที่ถูกลงกว่าในท้องตลาดทำให้คืนทุนได้เร็วและสามารถควบคุมระบบการเลี้ยงได้ง่ายขึ้น

“จากทั้ง10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปี2567 ครึ่งหนึ่งเป็นdigital technology และมีAI ร่วมอยู่ด้วยแสดงให้เห็นถึงการมาถึงของยุค AI ได้เป็นอย่างดีขณะที่มีอยู่3 เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพกับอีก2 เทคโนโลยีเกี่ยวข้องกับด้านพลังงานและอีก1 เทคโนโลยีเกี่ยวข้องกับด้านการประมง คาดหวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งในแง่ของข้อมูลเทรนด์โลกที่ควรให้ความสนใจและในแง่ข้อมูลการตลาดเบื้องต้นเพื่อเปิดโอกาสภาคธุรกิจที่สนใจได้มีโอกาสเข้าไปลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ ๆอย่างเหมาะสมต่อไป” ศาสตราจารย์ดร.ชูกิจกล่าว


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard