Advertisement
Leaderboard 728x90

BAFS เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิ 43.4 ล้านบาท

บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BAFSเผยผลการดำเนินการของ BAFS Group ในไตรมาสที่ 2/2567 ยังคงเติบโตและมีกำไรอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมาด้วยรายได้รวม 830.6 ล้านบาท โดยมี EBITDA เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 398.5 ล้านบาท

ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่าการดำเนินการของ BAFS Group ในไตรมาสที่ 2/2567 ยังคงเติบโตและมีกำไรอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมาด้วยรายได้รวม 830.6 ล้านบาท โดยมี EBITDA เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 398.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากธุรกิจกลุ่ม Aviation เป็นหลักจากภาพรวมกำไรขั้นต้นที่ขยายตัวตามปริมาณน้ำมันอากาศยานที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากการเดินทางทางอากาศยานโดยนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม นอกจากนี้ปัจจัยจากต้นทุนทางการเงินสุทธิที่ลดลง 1% จากการที่กลุ่มบริษัทมีการจ่ายชำระเงินกู้ยืมอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้ใน Q2/2567 มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 43.4 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 295% และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 4%

Advertisement
Kreamy Proof

โครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 2/2567 BAFS Group แสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพทางการเงินตามกลยุทธ์ขยายการลงทุนผ่านการดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก โดยมีรายได้อันเป็นรายได้ก่อนหักรายการระหว่างกันจากกลุ่ม Aviation 664.9 ล้านบาท กลุ่ม Power 70.2 ล้านบาท และกลุ่ม Utilities 108.4 ล้านบาทซึ่งเป็นรายได้จากค่าบริการขนส่งน้ำมันภาคพื้นดินและจัดเก็บน้ำมันของบริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อจำกัด (BPT) ที่เติบโตสูงขึ้นถึง 27% ตามปริมาณขนส่งน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันภาคเหนือ (NFPT) ทั้งนี้ BPT จะเริ่มดำเนินการต่อเชื่อมระบบท่อขนส่งน้ำมันโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันสระบุรี-อ่างทองภายในปี 2567 โดยล่าสุด บาฟส์ ได้ชำระเงินเพิ่มทุน จำนวน 470 ล้านบาทส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ BAFS เพิ่มขึ้นจาก 71.39% เป็น 74.46%

สำหรับภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรก BAFS Group มีรายได้รวม 1,696 ล้านบาทกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 126.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 39% สะท้อนถึงการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาได้พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2567) ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เพิ่มขึ้น 25% จากรอบที่ผ่านมาโดยการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 21 สิงหาคม 2567 และให้กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 3 กันยายน 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและเสถียรภาพการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard