Advertisement
Leaderboard 728x90

ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. 66 แตะ 97.8 พุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. 66 แตะ 97.8 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบ 10 ปีนับแต่ ม.ค. 56 ผลพวงกำลังซื้อภูมิภาคพุ่งจากรายได้ภาคเกษตรและภาคท่องเที่ยวหนุน แต่ยังกังวล ศก.โลกชะลอ แนะรัฐทบทวนค่าไฟงวด พ.ค.-ส.ค.ให้เหลือต่ำกว่า 4.40 บาทต่อหน่วย

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน มี.ค. 66 อยู่ที่ระดับ 97.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 96.2 ในเดือน ก.พ. 66 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2556 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายของอุปสงค์ในประเทศ และกำลังซื้อในส่วนภูมิภาคจากรายได้ภาคเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องจากการขยายตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติ และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีภาคการก่อสร้างที่ขยายตัวส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

Advertisement
Kreamy Proof

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อปัญหาต้นทุนการผลิตสูง โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบ และค่าไฟฟ้า ขณะที่ราคาพลังงานยังคงผันผวน ในขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในทิศทางขาขึ้นเป็นอีกปัจจัยกดดันต่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs นอกจากนี้ อุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ตลอดจนความผันผวนของค่าเงินบาท ก็ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการส่งออกของไทย

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 106.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 103.2 ในเดือน ก.พ. เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งมีปัจจัยขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ ขณะที่การเปิดประเทศของจีนเป็นแรงสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจโลกและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น

นายสรกิจ มั่นบุปผชาติ รองเลขาธิการ ส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะที่ผู้ประกอบการมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ดังนี้ 1) ขอให้พิจารณาทบทวนมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) ในงวดที่ 2 (เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566) ให้ต่ำกว่า 4.40 บาท/หน่วย 2) ส่งเสริมการเปิดตลาดส่งออกใหม่ๆ เช่น ในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) กลุ่มประเทศ MERCOSUR (เมร์โกซูร์) กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance) โดยเฉพาะสินค้าประเภทยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศ ผลิตภัณฑ์ยาง และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น 3) เร่งรัดการแก้ไขปัญหาการเผาป่าตามแผนเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566

“ค่าเงินบาทขณะนี้เริ่มอ่อนค่าลงทำให้เอกชนมีความกังวลลดลง เช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจไทยเพราะเกษตรและท่องเที่ยวในประเทศดีขึ้น อย่างไรก็ตามการเมืองในประเทศที่กำลังจะเลือกตั้งทุกอย่างก็ชัดเจนทำให้ความกังวลในประเด็นการเมืองก็ลดลงเช่นกัน แต่สิ่งที่กังวลเพิ่มขึ้นคือ เศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้นทำให้อัตราดอกเบี้ยจริงในท้องตลาดจะเพิ่มขึ้นในอนาคต” นายสรกิจกล่าว

Advertisement
The Xpozir

Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard