Advertisement
Leaderboard 728x90

'เนสกาแฟ' เดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจกาแฟ หนุนปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน

เนสกาแฟตอกย้ำเจตนารมณ์ในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้วงการกาแฟไทยเดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจเนสกาแฟผ่านการนำเสนอภาพลักษณ์แบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดและส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนในขณะที่ตลาดกาแฟในประเทศไทยเติบโตขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้พร้อมความต้องการบริโภคกาแฟที่เพิ่มสูงขึ้นแต่ปริมาณผลผลิตเมล็ดกาแฟในประเทศกลับลดลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น ๆทำให้ความต้องการในการนำเข้าเมล็ดกาแฟเพิ่มสูงขึ้น ในฐานะผู้นำตลาดเนสกาแฟจะเดินหน้าสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งเพื่อตอบโจทย์คอกาแฟไทยให้ดียิ่งขึ้นและผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมควบคู่ไปกับการส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยมีผลผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงในระยะยาว

ตลาดกาแฟสำเร็จรูปในประเทศไทยในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2567 มีมูลค่าตลาดโดยรวม 5,700 ล้านบาท และเติบโต 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อนเนื่องมาจากความต้องการที่สูงของผู้บริโภคชาวไทย (ที่มา: นีลเส็นไอคิว)ในขณะที่ตลาดกาแฟพร้อมดื่มหรือ RTD ยังได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศเนื่องจากความต้องการด้านความสะดวกสบายและอุณหภูมิที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในช่วงหน้าร้อนมูลค่าตลาดกาแฟพร้อมดื่มในไตรมาสแรกของปีนี้จึงอยู่ที่ 3,800 ล้านบาทและมีการเติบโต 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ที่มา: คันทาร์เวิลด์พาแนล)

Advertisement
อ่าวขนอม ซีฟู้ด

อย่างไรก็ตามผลผลิตเมล็ดกาแฟในประเทศไทยกลับเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ส่งผลให้มีความต้องการนำเข้าเมล็ดกาแฟเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ผลผลิตเมล็ดกาแฟในระดับโลกก็มีปริมาณลดลงเช่นเดียวกัน โดยมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตเมล็ดกาแฟทั่วโลกอาจลดลงถึง 50% ภายในปี พ.ศ. 2593 ทำให้การขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูทวีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย

นายโจโจ้ เดลา ครูซ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียมบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำตลาดกาแฟเนสกาแฟจะสานต่อบทบาทสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับวงการกาแฟไทยเรามุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเนสกาแฟเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยให้ดียิ่งขึ้นและผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟไทยควบคู่ไปกับการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีผลผลิตเมล็ดกาแฟในระยะยาวที่เพียงพอเพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภค เกษตรกรที่เราทำงานเคียงข้าง รวมถึงพันธมิตรคู่ค้า และประเทศไทยโดยรวม”เสริมแกร่งธุรกิจเนสกาแฟ ด้วย “กลยุทธ์ NES”

ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าว กลยุทธ์ของเนสกาแฟในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมุ่งเน้นไปที่ 3 ด้านหลัก ซึ่งสามารถสรุปได้เป็นกลยุทธ์ “NES” ได้แก่ N: NESCAFÉ Brand การพัฒนาเนสกาแฟให้เป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่า E: Experience มอบประสบการณ์การดื่มด่ำกาแฟสุดพิเศษผ่านนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ปรับสูตรใหม่ และ S: Sustainability การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์

เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริโภคและบทบาทของกาแฟก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน จึงนำไปสู่กลยุทธ์แรก คือการพัฒนาจุดยืนของแบรนด์เนสกาแฟให้เป็นเครื่องดื่มที่สร้างแรงบันดาลใจด้วยการเปิดตัวแคมเปญระดับโลก “Make Your World” เมื่อต้นปีที่ผ่านมาซึ่งได้เข้าถึงคนไทยแล้ว 59 ล้านคนเนสกาแฟพลิกโฉมแบรนด์จากการเป็นเครื่องดื่มประจำวันที่ทำให้ผู้คนตื่นมาเป็นเครื่องดื่มที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่าเนสกาแฟจะเดินหน้าสร้างความตื่นเต้นและสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคผ่านแคมเปญ “Make Your World” ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อไป

Advertisement
The Xpozir

 

สำหรับกลยุทธ์ที่สองเนสกาแฟมุ่งมั่นมอบประสบการณ์การดื่มกาแฟชั้นเลิศด้วยนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ปรับสูตรใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคชาวไทย ล่าสุดเนสกาแฟได้เปิดตัวกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มระดับพรีเมียม เนสกาแฟ โกลด์อเมริกาโน่ และลาเต้ รวมทั้ง เนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม ฮันนีเลมอนซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภค ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เนสกาแฟวางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆเพื่อตอบโจทย์ความต้องการดื่มกาแฟเย็นที่มีรสชาติดีเยี่ยมเพื่อการบริโภคทั้งในบ้านและนอกบ้านและด้วยการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเนสกาแฟจะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมกาแฟของไทยให้เติบโตต่อไป

กลยุทธ์ที่สามเกี่ยวกับการนำความยั่งยืนมาเป็นหัวใจหลักของแบรนด์เนสกาแฟเนสกาแฟจะมุ่งพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ผ่านการเกษตรเชิงฟื้นฟู หรือ Regenerative Agriculture ภายใต้โครงการ “เนสกาแฟ แพลน 2030” ซึ่งเป็นโครงการด้านความยั่งยืนระดับโลกของเนสกาแฟการเกษตรเชิงฟื้นฟูจะช่วยให้เกษตรกรพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของเมล็ดกาแฟรวมทั้งปกป้องและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรธรรมชาติ

นอกจากการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูเนสท์เล่ยังให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรในการให้ความรู้และการสนับสนุนด้านเทคนิคในการทำสวนกาแฟอย่างยั่งยืนรวมไปถึงการผนึกความร่วมมือกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมันประจำประเทศไทย หรือ GIZ ในการจัดทำหลักสูตร Farmer Business School ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟให้มีแนวคิดของผู้ประกอบการเกษตรกรรม นอกจากนี้เนสท์เล่ยังให้การสนับสนุนโครงการประกวดสุดยอดกาแฟไทยเพื่อส่งเสริมการใช้การเกษตรเชิงฟื้นฟูในสวนกาแฟให้มากขึ้นพร้อมทั้งพัฒนาต้นกล้ากาแฟที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกในประเทศไทยและได้กระจายต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีเหล่านี้ให้กับเกษตรกรมาแล้วเกือบ 4 ล้านต้น

“ผมมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าความทุ่มเทของเราในการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูทำให้เนสกาแฟเป็นแบรนด์ที่มีการปลูกและจัดหาเมล็ดกาแฟอย่างยั่งยืน (Responsible Sourcing) 100% ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน 4C (Common Code for the Coffee Community) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในระดับโลกเพื่อการันตีว่าเมล็ดกาแฟของเราปลูกขึ้นตามมาตรฐานด้านความยั่งยืนระดับโลกทำให้เราสามารถนำเสนอกาแฟคุณภาพสู่ผู้บริโภคชาวไทย”นายโจโจ้ กล่าว

นอกจากนี้เนสกาแฟยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทยอย่างต่อเนื่องด้วยการรับซื้อเมล็ดกาแฟโรบัสต้าโดยตรงจากเกษตรกรไทยในราคาที่เป็นธรรมโดยอิงจากราคากาแฟในตลาดโลกเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรและสร้างความเชื่อมั่นว่าผลผลิตของพวกเขาจะมีตลาดรับซื้อที่ไว้วางใจได้


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard