Advertisement
Leaderboard 728x90

ราช กรุ๊ป ประกาศกำไรสุทธิ 3,827 ล้านบาทในครึ่งปีแรกปี’67

บริษัทราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ประจำปี 2567 รับรู้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 8,415 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9  และมีกำไรสุทธิ จำนวน 3,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 โดยมีปัจจัยบวกจากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าใหม่ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกองชุดที่ 1 และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนไพตัน ประเทศอินโดนีเซียอีกทั้งรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำและโรงไฟฟ้าในออสเตรเลียซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลม เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยสำหรับ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกอง หน่วยที่ 1 กำลังผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 51 ได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนไพตัน กำลังผลิตติดตั้ง 2,045 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯถือหุ้นร้อยละ 36.26 ซึ่งธุรกรรมดำเนินแล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา

นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้เติบโตและสะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยมีรายได้รวม จำนวน 22,351 ล้านบาท ซึ่งมาจากกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า จำนวน 21,020 ล้านบาทประกอบด้วยรายได้ของโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล จำนวน 17,895 ล้านบาทและรายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน จำนวน 3,125 ล้านบาทขณะที่กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและอื่นๆ มีรายได้เติบโตเป็นจำนวน 1,331 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6 ของรายได้รวม  นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าต่างๆยังสามารถบริหารประสิทธิภาพและต้นทุนได้เป็นอย่างดีส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปี 2566

Advertisement
Kreamy Proof

“ในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกองและบริษัทหินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัดซึ่งเป็นผู้จัดหาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติให้กับโรงไฟฟ้า เป็นเงินจำนวน 319 ล้านบาทอีกทั้งโรงไฟฟ้าพลังความร้อนไพตันและกิจการเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าไพตันเป็นเงินจำนวน 518 ล้านบาท นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าพลังน้ำทั้งใน สปป. ลาวอินโดนีเซีย และเวียดนาม รวมทั้งโรงไฟฟ้าในออสเตรเลียซึ่งมีโรงไฟฟ้าพลังงานลม  เป็นส่วนใหญ่ สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ คาดหมายว่าการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะยังคงการเติบโตไว้ได้อย่างต่อเนื่องซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กาลาบังก้า ในฟิลิปปินส์สัดส่วนกำลังผลิตตามการถือหุ้น 36.33 เมกะวัตต์ได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว โดยจะรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป”นายนิทัศน์ กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทฯมีกำลังผลิตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีกำหนดจะแล้วเสร็จในปีนี้ 3 โครงการ รวมเป็นกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 40.03 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าอาร์ อี เอ็น โคราช กำลังการผลิต 12.48 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้า นวนครส่วนขยายระยะที่ 2 กำลังผลิต 12 เมกะวัตต์และโรงไฟฟ้าพลังน้ำซองเจียง 1 ในเวียดนาม กำลังการผลิต 5.55 เมกะวัตต์และโครงการระบบพลังงานแบตเตอรี่ ในออสเตรเลีย 10 เมกะวัตต์ซึ่งจะช่วยเสริมหนุนผลประกอบการของบริษัทฯให้เติบโตแข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 232,440 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 118,284 ล้านบาทและส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 114,156 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งสะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 1.04 เท่าและอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นร้อยละ 4.51


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard