Advertisement
Leaderboard 728x90

เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนอานิสงส์เวียดนามและอินโดนีเซียฟื้นตัว เร่งเพิ่มความฟิตทางธุรกิจฝ่ามรสุมเศรษฐกิจในประเทศโตช้าและกระจุกตัว ความขัดแย้งระหว่างประเทศเน้นเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทดแทน บริหารต้นทุน โฟกัสธุรกิจศักยภาพสูง ดึง AI ดันประสิทธิภาพการผลิต รุกเสิร์ฟโซลูชันโดนใจตอบโจทย์ลูกค้าทั่วอาเซียนส่งปูนคาร์บอนต่ำสู่ตลาดโลกปิโตรเคมีเวียดนามจะกลับมาเริ่มทดสอบการเดินโรงงานภายในกันยายนนี้

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่าผลประกอบการเอสซีจีในไตรมาส 2 ปี 2567 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจี เคมิคอลส์กำลังซื้อในตลาดอาเซียนดีขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซียรวมทั้งมีรายได้เงินปันผลรับจากการลงทุนในธุรกิจอื่น ส่งผลให้มีรายได้ 128,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวด 3,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 จากไตรมาสก่อน ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2567 มีรายได้ 252,461 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมีสัดส่วนยอดขายจากเอสซีจีเคมิคอลส์ ร้อยละ 39 เอสซีจีพี ร้อยละ 27 เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันร้อยละ 16 เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิงและเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล ร้อยละ 13 และเอสซีจี เดคคอร์ ร้อยละ 5

Advertisement
Kreamy Proof

แม้เอสซีจีได้รับผลกระทบจากวัฏจักรปิโตรเคมีโลกยังอยู่ในช่วงขาลงความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ตลาดแข่งขันสูงจากสินค้านำเข้าจากจีนเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้าจากกำลังซื้อที่อ่อนแอในกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อยเอสซีจีเร่งเพิ่มความฟิตทางธุรกิจ สร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ด้วย 1.) บริหารต้นทุนพลังงาน อาทิธุรกิจซีเมนต์ในไทยเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทดแทนได้ร้อยละ 47 2.) โฟกัสธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่นมุ่งธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจรสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม 3.) ปรับปรุงการจัดเก็บ ขนส่ง กระจายสินค้า เช่นใช้เทคโนโลยีดิจิทัลวางแผนการจัดส่ง ตรวจรับสินค้า ช่วยลดเวลาทำงานลดความเสียหาย ลดโอกาสผิดพลาดในการรับ-ส่ง 4.) ประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเอสซีจี เคมิคอลส์ใช้โซลูชัน AI จาก REPCO NEX ในการดูแลเครื่องจักรและซ่อมบำรุงได้อย่างแม่นยำ มีเสถียรภาพ (Reliability) ถึงร้อยละ 100 5.) มุ่งส่งมอบโซลูชันที่ฟังก์ชันและราคาตรงกับความต้องการของลูกค้า อาทิ CPAC รถโม่เล็ก ขนาดกะทัดรัด สำหรับงานก่อสร้างในเมืองที่มีซอยเล็กบรรทุกคอนกรีตได้มากสุด 2 คิวต่อเที่ยวช่วยบริหารปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ได้ง่าย ลดการเหลือทิ้ง

ในครึ่งปีแรกของปี 2567 การพัฒนาสินค้าใหม่ (New Products Development – NPD) มียอดขาย 38,690 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 ของยอดขายรวม ขณะที่นวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High-Value Added Products & Services – HVA) มียอดขาย 77,037 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39 ของยอดขายรวมและสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SCG Green Choice มียอดขาย 136,124 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54 ของยอดขายรวม

 

การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมส่งออกจากไทย ครึ่งปีแรกของปี 2567 มียอดขาย 111,367 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 44 ของยอดขายรวม

สำหรับครึ่งปีหลังของปี 2567 ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีความท้าทายต่อเนื่องแต่เอสซีจีพร้อมรับมือด้วยความคล่องตัวและมั่นคงมีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร 78,907 ล้านบาทรวมทั้งนวัตกรรมโซลูชันตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าครบวงจร

Advertisement
The Xpozir

สำหรับ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้างได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจของเวียดนามและอินโดนีเซียที่กลับมาฟื้นตัวอย่างเข้มแข็งกำลังซื้อกลับมาจากแรงหนุนของรัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสร้างเมืองหลวงใหม่ ‘นูซันตารา’ รวมทั้งรัฐบาลเวียดนามผลักดันการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment – FDI) ขณะที่การฟื้นตัวของไทยยังชะลอตัวความต้องการสินค้าลดลงตามฤดูกาล และการจัดสรรงบประมาณของรัฐที่ล่าช้า

เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน เร่งผลักดันปูนคาร์บอนต่ำ เจเนอเรชัน 2 ซึ่งสามารถลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ร้อยละ 15-20 เมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์เดิมโดยขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียซึ่งได้สร้างความมั่นใจในคุณภาพการใช้งานจนสามารถส่งออกสหรัฐอเมริกาได้แล้วมากกว่า 1 ล้านตัน ล่าสุด เปิดตัวปูนคาร์บอนต่ำรายแรกในเวียดนาม ‘SCG Low Carbon Super Cement’ ขณะที่ในไทยตลาดโตต่อเนื่องสัดส่วนการใช้ทดแทนปูนแบบเดิมกว่าร้อยละ 86 พร้อมหนุนงานโครงการก่อสร้างภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ได้ออกปูนซีเมนต์หลากหลายรุ่น คุณภาพและราคาเหมาะสมเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าครอบคลุมมากขึ้น เช่น แบรนด์ ‘5 STAR’ ในกัมพูชา ‘BEZT’ ในอินโดนีเซีย ‘ADAMAX’ ในเวียดนาม และ ‘แรด’ ในไทย

เอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทลลุยเสิร์ฟสินค้าและบริการเรื่องบ้านผ่านร้านค้าปลีกกว่า 87 ร้านในอาเซียนโดยครึ่งปีแรกของปีได้ขยายโมเดิร์นเทรด ‘Mitra10’ ผู้เชี่ยวชาญตลาดค้าปลีกในอินโดนีเซีย มีสินค้ากว่า 65,000 รายการ เพิ่มอีก 2 สาขา ที่เกาะสุมาตรา และเกาะชวาตะวันตก ซึ่งมีประชากรจำนวนมากรับลูกค้ามากกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน ตั้งเป้า 100 สาขา ในปี 2573 ปัจจุบันเปิดแล้ว 50 สาขา

เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง รุกนำเสนอนวัตกรรมวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์ อาทิกระเบื้องซีเมนต์ปูพื้น เอสซีจี หนุนรับนักท่องเที่ยวสามารถออกแบบลวดลายเอกลักษณ์ด้วยเทคนิคการพ่นสีเฉพาะ เช่น ลายดอกโบตั๋นสำหรับทางเท้าย่านเยาวราช พร้อมทั้งเปิดตัวนวัตกรรมระบบบำบัดอากาศเสีย Air Scrubber สำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก ภายใต้แบรนด์ ONNEX by SCG Smart Living เจาะกลุ่มลูกค้างานอาคารและสำนักงาน ที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดน้อยกว่า 3,500 ตร.ม. พร้อมขยายบริการครอบคลุมอาเซียนและตะวันออกกลาง

เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD)ดันแผนสร้างการเติบโต 2 เท่าภายในปี 2573 เริ่มเดินการผลิตโรงงานแผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO กำลังผลิต 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดกว่า 500 ล้านบาทและเดินหน้าก่อสร้างโครงการผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มสูงกลุ่มกระเบื้องพอร์ซเลน สวยงาม แข็งแรง เป็นที่นิยม 3 โครงการใหญ่ในประเทศเวียดนามและไทย คาดเริ่มเดินการผลิตปีนี้

ขณะเดียวกัน เอสซีจีขยายตลาดวัสดุก่อสร้างสู่อินเดีย โดย SCG International ร่วมกับบริษัทบิ๊กบล็อก คอนสตรัคชั่น จำกัด ลงทุนเปิดโรงงานแผ่นผนังมวลเบา (AAC Walls) ภายใต้แบรนด์ ‘ZMARTBUILD WALL by NXTBLOC’ แห่งแรกในรัฐคุชราต ประเทศอินเดียซึ่งเป็นภูมิภาคที่การก่อสร้างมีมูลค่าสูงและเติบโตต่อเนื่อง

เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC)แม้ไตรมาสที่ผ่านมาธุรกิจมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากการกลับมาเดินเครื่องของโรงงานระยองโอเลฟินส์ (ROC) แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังอ่อนตัวจากความต้องการสินค้าในตลาดโลกลดลง ขณะที่มีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มมากขึ้นอย่างไรก็ตาม SCGC เร่งผลักดันนวัตกรรมรักษ์โลก SCGC GREEN POLYMERTM สู่ตลาดที่มีความต้องการมาก อาทิ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันล่าสุดร่วมกับ Dow พัฒนาธุรกิจรีไซเคิลพลาสติกตลอดห่วงโซ่คุณค่าเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตั้งเป้าพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลเพื่อเปลี่ยนขยะพลาสติกปริมาณกว่า 200,000 ตันต่อปี ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เป็นผลิตภัณฑ์หมุนเวียนที่มีมูลค่าภายในปี 2573

โครงการลองเซินปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochemicals – LSP) กลับมาทดสอบการเดินเครื่องทั้งโรงงานขั้นต้น (Upstream) และขั้นปลาย (Downstream) ในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2567 และจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2567

เอสซีจีพี (SCGP)มุ่งขยายกำลังการผลิตรับความต้องการบรรจุภัณฑ์จากภาคการท่องเที่ยวและบริการประกอบกับบริหารจัดการวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานรวมทั้งสร้างการเติบโตในธุรกิจที่มีศักยภาพสูง ล่าสุด SCGP รุกขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้วยการลงทุนในบริษัทวีอีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัดผู้เชี่ยวชาญการผลิตชิ้นส่วนสมรรถนะสูงจากการฉีดขึ้นรูปพอลิเมอร์ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าของ Deltalab, S.L. และ Bicappa Lab S.r.L. บริษัทใน SCGP เพื่อรองรับความต้องการและส่งเสริมให้ SCGP ขยายเครือข่ายลูกค้าในต่างประเทศครอบคลุมยิ่งขึ้น

เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ เติบโตได้ดีตามแผนมุ่งเพิ่มสัดส่วนการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ให้ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูงครึ่งปีแรกของปี 2567 มีกำลังการผลิตรวม 522 เมกะวัตต์ เมื่อเร็ว ๆ นี้จับมือ ซีเกท ประเทศไทย ลงนามในสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้า Solar Rooftop ขนาด 20.96 เมกะวัตต์ ณ โรงงานซีเกท จังหวัดนครราชสีมาสำหรับแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานความร้อนจากพลังงานสะอาด Rondo Heat Battery อยู่ระหว่างการก่อสร้างยูนิตแรกของโลกสำหรับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ที่โรงงานปูนซีเมนต์เอสซีจี จ.สระบุรี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2568 ซึ่งจะสามารถเป็นต้นแบบสำหรับหลากหลายอุตสาหกรรมต่อไป

“เอสซีจีตระหนักถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่กระทบความเป็นอยู่ของผู้คนในวงกว้างจึงร่วมกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี เตรียมจัดโครงการ Go Together ให้ความรู้ สร้างเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs โดยเริ่มจากโรงงานสระบุรีพร้อมขยายผลไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่เอสซีจีมีโรงงานตั้งอยู่ เช่น กาญจนบุรีลำปาง ขอนแก่น นครศรีธรรมราช เป็นต้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้วยการปรับปรุงและนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิตลดต้นทุน นำของเหลือใช้มาสร้างประโยชน์ เช่น แปรรูปเป็นวัตถุดิบเชื้อเพลิง รวมทั้งใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขณะที่มูลนิธิเอสซีจี ส่งเสริมแนวคิด LEARN to EARN เรียนรู้เพื่ออยู่รอดเน้นการเรียนรู้เพื่อมีงานทำโดยมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนทั้งในระบบและนอกระบบ ประมาณ 3,000 ทุนต่อปี ในสาขาที่ตอบโจทย์ตลาด เช่น ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์เป็นต้น โดยกว่าร้อยละ 90 มีงานทำ”นายธรรมศักดิ์ กล่าว


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard